งานวิจัย: NMN ช่วยเพิ่มคุณภาพการนอนและสมรรถภาพร่างกายในผู้สูงวัย
- dr.bunlue
- Apr 21
- 2 min read

จากการศึกษาทางคลินิกแสดงให้เห็นว่า การรับประทาน NMN (สารตั้งต้นของ NAD+) เป็นเวลา 12 สัปดาห์ จะช่วยเพิ่มคุณภาพการนอนหลับให้ดีขึ้นและการทำงานของกล้ามเนื้อขา ที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิต
สรุปสาระสำคัญ
การรับประทาน NMN ช่วยเพิ่มคุณภาพการนอนหลับ ลดอาการง่วงนอนในผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป
การนอนหลับที่ดีขึ้น ช่วยเสริมการรับรู้และสมรรถภาพร่างกายให้ดีขึ้น ซึ่งช่วยเสริมภาพภายนอกโดยรวมของผู้สูงอายุและการมีสุขภาพที่ดี
เมื่อเราอายุมากขึ้น คุณภาพการนอนหลับของเราจะค่อยๆ ลดน้อยลง ส่งผลให้การรับรู้ของสมองลดลงด้วย และสุดท้ายจะทำให้เกิดสภาวะจิตใจที่ซึมเศร้า (R) ผลที่ตามมาคือ ความหดหู่และการรับรู้ที่ลดลง และสะสมมากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่ร่างกายอ่อนแอลง ความอ่อนแอที่เกี่ยวข้องกับอายุ ยังเพิ่มความเสี่ยงของโรคต่างๆ ได้เช่น ความผิดปกติของระบบเผาผลาญและโรคหลอดเลือดหัวใจ
จากการเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยานี้ ทำให้เกิดคำถามว่า “เราจะมีมาตรการอะไรบ้าง ที่จะช่วยเสริมคุณภาพการนอนหลับ สมรรถภาพทางร่างกาย ป้องกันความอ่อนแอ และหลีกเลี่ยงโรคที่เกี่ยวข้องกับอายุ เพื่อให้มีสุขภาพโดยรวมดีขึ้นได้ยาวนานที่สุด”
Dr.Okura และเพื่อนร่วมงานจากมหาวิทยาลัย Tsukuba ในญี่ปุ่นตีพิมพ์ในวารสาร Nutrients แสดงให้เห็นว่า การรับประทาน nicotinamide mononucleotide (NMN) ในช่วงบ่ายเป็นเวลา 12 สัปดาห์ในขนาด 250 มก. ช่วยเพิ่มสมรรถภาพทางร่างกายและลดอาการง่วงนอนในผู้สูงอายุได้ (R)
การวิจัยนี้ มีผู้เข้าร่วมการศึกษาเป็นผู้สูงอายุ 65 ปี พบว่า NMN ช่วยเพิ่มการทำงานของขา ซึ่งบ่งบอกว่า NMN ช่วยป้องกันการสูญเสียการทำงานทางร่างกายตามอายุ
นอกจากนี้ อาการง่วงนอนโดยรวมลดลงอย่างมีนัยสำคัญ และคุณภาพการนอนหลับดีขึ้นโดยวัดจากระยะเวลาการนอนหลับและการรบกวนการนอนหลับ ผลจากการศึกษาระบุว่า การรับประทาน NMN ช่วยเพิ่มคุณภาพการนอนหลับและฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกายในผู้สูงอายุ เพื่อยืดอายุสุขภาพที่ดีให้ยาวนานออกไป
การทาน NMN ในช่วงบ่ายจะช่วยเพิ่มคุณภาพการนอนหลับและสมรรถภาพร่างกายในผู้สูงวัย
Dr.Okura และเพื่อนร่วมงาน ได้เปรียบเทียบผลของการรับประทาน NMN แคปซูลขนาด 250 มก. ทุกวันในตอนเช้าหรือช่วงบ่าย เป็นเวลา 12 สัปดาห์ ผู้เข้าร่วมการศึกษามีอายุ 65 ปีขึ้นไป และผู้ที่ใช้คาเฟอีนมากเกินไป มีความเครียดมากเกินไป และใช้ยานอนหลับหรือยาแก้ซึมเศร้า ก็จะถูกคัดออกและไม่รวมอยู่ในการศึกษานี้ หลังจากใช้เกณฑ์การยกเว้นเหล่านี้แล้ว จะมีการรวมกลุ่ม 4 กลุ่ม กลุ่มละ 27 คน โดยแต่ละกลุ่มจะได้รับอาหารเสริมดังนี้: กลุ่มที่ได้ NMN เช้า, กลุ่มที่ได้ NMN ช่วงบ่าย และกลุ่มที่ได้ยาหลอกช่วงเช้าและบ่าย
เพื่อต้องการทดลองดูว่า การเสริมด้วย NMN ช่วยเสริมคุณภาพการนอนหลับได้หรือไม่? Okura และเพื่อนร่วมงาน ใช้การวิเคราะห์คุณภาพการนอนหลับที่เรียกว่า Pittsburgh Sleep Quality Index (PSQI) ซึ่งเครื่องมือวิเคราะห์นี้ ได้รับการพิสูจน์แล้วว่า เชื่อถือได้ในการวัดคุณภาพการนอนหลับแบบผู้เข้าร่วมกรอกข้อมูล โดยตรวจสอบระยะเวลาการนอนหลับ สิ่งรบกวนการนอนหลับ ความผิดปกติในเวลากลางวัน คุณภาพการนอนหลับ และประสิทธิภาพการนอนหลับ
ผลการวิจัยพบว่า กลุ่มที่ได้รับ NMN ในช่วงบ่าย ช่วยเสริมระยะเวลาและคุณภาพการนอนหลับ ดังแสดงโดยคะแนนการรบกวนการนอนหลับที่ลดน้อยลง

จากตารางที่ 2 - การวัดคุณภาพการนอนหลับเพิ่มขึ้นหลังจากบริโภค NMN ในช่วงบ่าย ระยะเวลาการนอนหลับ คุณภาพการนอนหลับ และการประเมินคะแนนการนอนหลับโดยรวมดีขึ้นด้วยการเสริม NMN ในช่วงบ่าย
เพื่อทดสอบดูว่าการเสริม NMN ในช่วงบ่าย จะช่วยปรับปรุงคุณภาพชีวิตโดยรวมได้หรือไม่ ทีมวิจัยในจึงได้วัดดัชนีของความเหนื่อยล้า ซึ่งพบว่า อาการง่วงนอนลดลงอย่างมากพร้อมกับความเหนื่อยล้าทางจิตใจและความเหนื่อยล้าโดยรวม การลดลงของอาการง่วงนอนและความเหนื่อยล้า จะช่วยเพิ่มสมาธิและความสามารถในการทำงานด้านการรับรู้ของสมองได้ดีขึ้น

จากตารางที่ 3 - การเสริม NMN ในช่วงบ่าย จะช่วยลดการวัดอาการง่วงนอนและความเหนื่อยล้าโดยรวม การวัดอาการง่วงนอน ความเลื่อนลอย (ไม่สามารถโฟกัสได้) และความเหนื่อยล้าโดยรวมที่ให้ผู้เข้าร่วมทดสอบกรอกข้อมูล พบว่า จะลดลงอย่างมากเมื่อรับประทาน NMN ในช่วงบ่าย
การช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการนอนหลับส่งผลเชิงบวกต่อ การวัดสมรรถภาพทางกายของผู้ใหญ่ที่มีอายุมากกว่า 65 ปี ตัวอย่างเช่น การวัดสมรรถภาพทางกายในผู้สูงอายุแสดงให้เห็นว่า ระยะเวลาเปลี่ยนจากท่านั่งเป็นท่ายืน จำนวน 5 ครั้งติดต่อกัน ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อให้ NMN ในช่วงบ่าย การออกกำลังกายแบบ Time Up and Go Exercise (Timed Up and Go Test: TUG) ก็ดีขึ้นอย่างมากเช่นกัน ข้อมูลเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า การที่ผู้สูงอายุได้รับประทาน NMN จะช่วยให้การนอนหลับและการทำงานทางกายภาพโดยรวมดีขึ้น ซึ่งจะส่งผลเชิงบวกต่ออารมณ์ และลดภาวะซึมเศร้าที่เกี่ยวข้องกับวัยได้ดี เมื่ออาการซึมเศร้าบรรเทาลงด้วยการกิน NMN ในช่วงบ่าย ความรู้ความเข้าใจอาจจะดีขึ้น ส่งผลให้สุขภาพโดยรวมดีขึ้นในช่วงสูงวัย (อายุขัยดีขึ้น)
(หมายเหตุ: Time Up and Go Exercise (Timed Up and Go Test: TUG) เป็นแบบทดสอบทางคลินิกที่ใช้ประเมินความสามารถในการเคลื่อนไหวและความเสี่ยงต่อการหกล้มในผู้สูงอายุ ผู้ป่วยอัมพาตครึ่งซีก และผู้ป่วยพาร์กินสัน โดยวัดเวลาที่ใช้ในการลุกจากเก้าอี้ เดินไปข้างหน้า 3 เมตร หมุนตัวกลับ และเดินกลับมานั่งบนเก้าอี้เดิม)

จากตารางที่ 4 - การเสริม NMN ในช่วงบ่าย ช่วยเพิ่มสมรรถภาพทางกายในผู้สูงอายุ NMN ในช่วงบ่ายช่วยลดเวลาในการนั่ง 5 ครั้งในผู้สูงอายุ พร้อมกับความสามารถทางกายภาพในการลดเวลาและไปทำงาน
การรับประทาน NMN ในช่วงบ่าย ช่วยให้นอนหลับได้ดีขึ้น ลดอาการง่วงนอนช่วงกลางวัน และปรับปรุงสมรรถภาพทางกายโดยรวมของผู้ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป
สรุปโดยรวมแล้ว ในทางสรีรวิทยา
NMN จะเสริมประสิทธิภาพร่างกายในแต่ละวัน ซึ่งช่วยปรับปรุงคุณภาพชีวิตและเพิ่มจำนวนปีที่ทำให้มีชีวิตอยู่โดยปราศจากโรค (healthspan)
อ้างอิงงานวิจัย:-
Kim M, Seol J, Sato T, Fukamizu Y, Sakurai T, Okura T. Effect of 12-Week Intake of Nicotinamide Mononucleotide on Sleep Quality, Fatigue, and Physical Performance in Older Japanese Adults: A Randomized, Double-Blind Placebo-Controlled Study. Nutrients. 2022 Feb 11;14(4):755. doi: 10.3390/nu14040755. PMID: 35215405; PMCID: PMC8877443.
#ย้อนวัยไปกับdrbunlue
Comments